ถ้าเราเป็นนักศึกษาจบใหม่ และกำลังจะเขียนเรซูเม่สมัครงานเป็นครั้งแรก มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในการเริ่มต้นเขียนอะไรที่เราไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่ถ้าเราสามารถทำให้เรซูเม่ของเราดูน่าสนใจ โอกาสที่เราจะได้งานก็มีมากขึ้นตามลำดับ เราต้องทำให้นายจ้างอยากรู้จักเรามากขึ้น โดยใช้เรซูเม่ส่งข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเราไปยังนายจ้าง เพื่อบอกถึงความต้องการในการทำงาน และความพร้อมของเราว่ามีมากน้อยขนาดไหน
เราจะเขียนเรซูเม่ให้จูงใจผู้อ่าน และมีความน่าสนใจได้อย่างไร? ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเขียนเรซูเม่ เราต้องเข้าใจก่อนว่าเรากำลังจะเขียนให้ใครอ่าน และเราจะทำให้เขาสนใจเราได้อย่างไร การเขียนเรซูเม่เป็นช่องทางแรกที่ทำให้เราได้สื่อสารกับนายจ้าง หากเราสามารถทำให้เขาสนใจได้ การที่จะเรียกเราเข้าไปสัมภาษณ์งานนั้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หากเราต้องการให้เรซูเม่ของเราถูกตาต้องใจทั้งทีม HR และนายจ้างแล้วละก็ เราต้องให้ข้อมูลให้ครบ และน่าสนใจ อย่าให้เขาต้องรู้สึกว่าข้อมูลเรายังไม่มากพอ แล้วมองข้ามเรซูเม่ของเราไป เรามาดูกันว่าสิ่งที่นายจ้างอยากเห็นในเรซูเม่ของเรามีอะไรบ้าง เราจะได้ไม่ลืมที่จะเขียนลงไปในเรซูเม่ สำหรับการสมัครงานครั้งต่อไป
สิ่งต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เด็กจบใหม่ควรระบุไว้ในเรซูเม่ให้ครบถ้วน เพื่อที่นายจ้างจะได้นำมาพิจารณา ก่อนตัดสินใจเรียกเราเข้ามาสัมภาษณ์งาน และจ้างเราเข้ามาทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
ข้อมูลส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะละเลยไม่ได้ เราควรระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่เป็นปัจจุบัน เพื่อให้นายจ้างติดต่อเราได้ การใช้ข้อมูลที่ไม่อัพเดต จะทำให้เป็นอุปสรรคในการติดต่อสัมภาษณ์งาน เพราะ HR จะไม่รู้ว่าจะติดต่อกับเราทางไหน ทำให้เราพลาดโอกาสการสัมภาษณ์งานได้เช่นกัน ข้อมูลส่วนตัวควรมีความชัดเจน ถูกต้อง และมีความเป็นมืออาชีพ
เป้าหมายในการทำงาน
การระบุวัตถุประสงค์ในการสมัครงานไว้ในเรซูเม่ จะทำให้นายจ้างรู้ความต้องการของเรา แล้วพิจารณาว่าเราเลือกสมัครงานมาไม่ผิดตำแหน่ง แต่การเขียนเป้าหมายในการทำงาน นี้ เราต้องระบุให้ตรงกับตำแหน่งงานของบริษัทที่เราสมัคร บางคนใช้เรซูเม่ฉบับเดียวสมัครงานทุกบริษัท โดยไม่เปลี่ยนวัตถุประสงค์เลย นายจ้างจะรู้สึกว่าเราไม่ใส่ใจ
ประสบการณ์ด้านการศึกษา
การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา เราควรเขียนให้เป็นระเบียบ ไล่ลำดับจากปีล่าสุด ไปจนถึงตอนที่เราเริ่มเรียน เช่น ปริญญาตรี มัธยมศึกษา ประถมศึกษา เป็นต้น โดยระบุเป็นช่วง ๆ แล้วบอกว่าสาขาวิขาที่เรียนมีอะไรบ้าง วิชาเอก คืออะไร และได้เกรดเฉลี่ย (GPA) เท่าไร การให้ข้อมูลด้านการศึกษาที่เป็นระเบียบ จะทำให้เรซูเม่ของเราอ่านง่าย ดูน่าสนใจ
กิจกรรมที่ทำในระหว่างเรียน
นอกจากต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องเรียนแล้ว นายจ้างเองก็อยากรู้ว่าเรามีกิจกรรมอะไรอื่น ๆ อีกบ้าง นายจ้างอาจจะใช้ข้อมูลส่วนนี้พิจารณาความน่าสนใจของตัวเรา เช่น การเป็นสมาชิกชมรมต่าง ๆ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของมหาวิทยาลัย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สามารถเป็นตัวช่วยในการพรีเซนต์ตัวเอง เมื่อต้องไปสัมภาษณ์งานได้ด้วย
ประสบการณ์การทำงาน หรือ ฝึกงาน
หากเราเคยมีประสบการณ์การทำงาน หรือ ฝึกงานมาประกอบในเรซูเม่ด้วย จะยิ่งทำให้เรซูเม่น่าสนใจ เพราะนายจ้างจะดูต่อไปว่าประสบการณ์การทำงานของเราเป็นอย่างไร เหมาะกับงานนี้ขนาดไหน ยิ่งมีประสบการณ์ตรงกับตำแหน่งงานที่สมัครมามากเท่าไร เราก็จะยิ่งได้เปรียบ และเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้นเท่านั้น
ความสามารถพิเศษ
ตำแหน่งงานบางตำแหน่งมักจะระบุไว้ว่าเราต้องสามารถใช้งานโปรแกรมอะไรได้ บ้าง เราจึงต้องเขียนบอกในเรซูเม่ด้วยว่า เราสามารถใช้ Software อะไรได้บ้าง หากเป็นไปได้ ให้ระบุความสามารถในการใช้ลงไปด้วย เช่น สามารถใช้งาน Photoshop ได้ในระดับดีเยี่ยม หรือพูดภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ได้ในระดับที่คล่องแคล่ว นายจ้างก็จะสนใจเรซูเม่ของเรามากขึ้น
นอกจากสิ่งที่ต้องระบุลงไปในเรซูเม่แล้ว ในการเขียนเรซูเม่สมัครงานเราต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญกับรายละเอียดอื่น ๆ ร่วมด้วย
ความละเอียดรอบคอบ – การเขียนคำผิดหรือสะกดผิดแม้แต่ตัวเดียวอาจส่งผลต่อเรซูเม่ของเราได้ การให้รายละเอียดโดยไม่ผิดพลาดเลย จะทำให้นายจ้างรู้สึกว่าเราเป็นคนละเอียดรอบคอบ
ความต้องการที่แน่นอน – เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าเราสมัครงานในตำแหน่งอะไร มีความสามารถอะไรบ้าง และสามารถทำอะไรให้กับองค์กรได้บ้าง
ความครบถ้วนของเนื้อหา – ส่วนสำคัญในการเขียนเรซูเม่ไม่ได้อยู่ที่สั้นหรือยาว แต่อยู่ที่ความครบถ้วนของเนื้อหาเป็นสำคัญ
การเขียนเรซูเม่โดยใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยให้เราเป็นที่สนใจของนายจ้าง ความรู้ความสามารถอาจจะกลายเป็นประเด็นรอง หากเราสามารถทำให้นายจ้างสนใจจุดเด่น หรือเป้าหมายในการทำงานของเราได้ นายจ้างก็จะยกหูโทรศัพท์เรียกเราไปสัมภาษณ์อย่างแน่นอน
ที่มา : jobsdb.com